| FACEBOOK | FANPAGE | GOOGLE | YAHOO | HOTMAIL |


ประชาสัมพันธ์


   หน้า 1      
  
บทสัมภาษณ์
"คุณวิรัช ตั้งประดิษฐ์" ประธานกรรมการบริษัทฯ

นิตยสาร "Soundstage" ประจำเดือนเมษายน 2560
 

         ในวงการระบบเสียงพีเอบ้านเรานั้นมีการขยายตัวและเติบโตมาอย่างต่อ เนื่องตลอดระยะเวลา 15 ปี มานี้ แม้ว่าจะมีการตื่นตัวมาก่อนหน้านั้นนานพอสม ควร แต่ที่เห็นความเคลื่อนไหวในทางพัฒนาการทุกด้านของวงการระบบเสียงในบ้านเราที่ชัดเจนก็อยู่ในช่วงสิบกว่าปีมานี่เอง ซึ่งเป็นพัฒนาการที่เรียกได้ว่าเติบโตรวดเร็วมาก จากอดีตในยุคอะนาลอกที่เป็นหลอดสุญญากาศ ผ่านสู่ยุคของโซลิด สเตต มาจนถึงโลกของดิจิตอล และส่วนผสมที่ทำให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆของวงการระบบเสียงก็มีทั้ง ผู้ผลิต ผู้นำเข้าจำหน่าย และ ผู้ใช้งาน ในกลุ่มผลิต ภัณฑ์ทางด้านระบบเสียงที่มีทั้งกลุ่มที่เป็นซอร์ซ เช่น ไมโครโฟน หรือกลุ่มที่เป็นภาคโปรเซสเซอร์และคอนโทรลต่างๆ เช่น มิกเซอร์คอนโซล อีคิว คอมเพรสเซอร์ ลิมิเตอร์ เอฟเฟกต์ต่างๆ หรือกลุ่มที่เป็นเอาต์พุต เช่น เพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ และระบบลำโพง เหล่านี้ล้วนมีพัฒนาการที่ควบคู่กันมาตลอดและต่อเนื่อง แม้ในส่วน ประกอบอื่นที่กล่าวมาจะมีความเปลี่ยนแปลงในคุณสมบัติและรูปลักษณ์ที่แตก ต่างอย่างมากในอดีต แต่มีส่วนหนึ่งที่ยังคงรูปลักษณ์ไม่แตกต่างมากนักตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันนั่นคือ ไดรเวอร์ลำโพง หรือ ดอกลำโพง แม้รูปลักษณ์ตัวตู้ลำโพงหรือคาบิเนตจะแตกต่างล้ำสมัยจากในอดีต แต่รูปร่างลักษณะของดอกลำโพงยังคงเส้นคงว่า ยังเป็นดอกลำโพงเฉกเช่นที่เราเคยเห็นมาโดยตลอด หากแต่เทคนิคการผลิตและวัสดุที่ใช้ในการผลิตนั้น ก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าอดีตมากมายเลยทีเดียว
                เมื่อพูดถึงลำโพงหรือดอกลำโพงแล้ว ในวงการระบบเสียงพีเอบ้านเราก็มีทั้งที่เป็นผู้นำเข้าจำหน่ายในแบรนด์ต่างๆมากมาย หรือจะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในบ้านเราก็มีไม่น้อย แต่ที่อยากกล่าวถึงในแง่มุมที่เป็นแบรนด์ผู้ผลิตที่กล้าการันตีว่า “เมดอินไทยแลนด์” คุณภาพที่บ่มเพาะมาจากประสบการณ์และเทคนิคการคัดสรรวัสดุการผลิต ที่เป็นแบบเฉพาะในตัวตนของแบรนด์ NANOVA” แบรนด์ของไดรเวอร์ลำโพงหรือดอกลำโพง ที่ผู้พัฒนาสร้างสรรค์หรือนัก DIY ทั้งมือใหม่จนถึงมืออาชีพเลือกใช้ติดตั้งในตู้ลำโพงได้อย่างมั่นใจ... เพื่อให้รับรู้เรื่องราวความเป็นมาในพัฒนาการของผู้ผลิตไดรเวอร์ลำโพงแบรนด์ “NANOVA” นี้ เรามาติดตามบทสัมภาษณ์ คุณวิรัช ตั้งประดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท นครสวรรค์สยามโนวา (1985) จำกัด ถึงที่มาที่ไปและแนวทางแห่งพัฒนาการของแบรนด์ “NANOVA” ที่โลดแล่นอยู่คู่วงการระบบเสียงพีเอมาโดยตลอดกันครับ...

 


หน้า 2

โดยสังเขปกับ “นครสวรรค์สยามโนวา (1985)”  

             บริษัท นครสวรรค์สยามโนวา (1985) จำกัด เป็นโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีศักยภาพด้านการผลิตชิ้นส่วนและลำโพงได้เอง โดยเน้นการวิจัยและการพัฒนาด้านวัสดุศาสตร์ เพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพ จากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการผลิตมานาน และให้ความ สำคัญกับงานวิจัยคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เช่น กรวยลำโพง, สไปเดอร์, วอยซ์คอยล์, ที่ใช้วัสดุต่างๆ ที่มีคุณภาพมาผลิต รวมทั้งชิ้นส่วนลำโพงอื่นๆ ทั้งงานขึ้นรูปโลหะและพลาสติก
            บริษัท นครสวรรค์สยามโนวา (1985) จำกัด นอกจากจะผลิตชิ้นส่วนและยังเป็นผู้รับจ้างผลิตลำโพงให้กับยี่ห้อต่างๆ ในลักษณะเป็น OEM โดยผลิตลำโพงตามความต้องการของลูกค้า พร้อมกับการสร้างสมประสบการณ์ด้านการผลิต ตั้งแต่ชิ้นส่วนจนมาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "นาโนวา" โดยการนำชิ้นส่วนที่ผ่านการวิเคราะห์วิจัย มาผลิตเป็นลำโพงกลางแจ้งหลากหลายรุ่น หลากหลายขนาด รวมทั้งเรายังมีความชำนาญด้านการผลิตลำโพงฮอร์นและยูนิตที่มีผู้ใช้จำนวนมาก บริษัทฯ นอกจากจะผลิตผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแล้ว เรายังได้คิดพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับการใช้งานตลอดเวลา ปัจจุบันผู้บริโภคลำโพงรู้จัก “นาโนวา” ด้วยชื่อเสียงด้านคุณภาพ ซึ่งการันตีได้ถึงคุณภาพ


 
ตามรอยทางของ นครสวรรค์สยามโนวา (1985)

                บริษัท นครสวรรค์สยามโนวา (1985) จำกัด ผู้ผลิตดอกลำโพง ลำโพงฮอร์น และอุปกรณ์ชิ้นส่วนประกอบลำโพงทุกชิ้น เป็นโรงงานผลิตดอกลำโพงใหญ่อันดับต้นๆของบ้านเรา ที่สามารถบอกสู่สาธารณะได้ว่าเป็นแบรนด์สินค้าที่ “Made in Thailand” นั่นคือ ผลิตโดยคนไทย โดยโรงงานในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ของคนไทย ภายใต้การบริหารงานโดย คุณวิรัช ตั้งประดิษฐ์ (ประธานกรรมการบริษัทฯ) ซึ่งนอกจากจะบริหารงานโรงงานผลิตดอกลำโพงแล้ว คุณวิรัช ยังดำรงตำแหน่งเป็น กรรมการหอการค้าไทย ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 อีกด้วย ซึ่งในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ทาง คุณวิรัช ได้ให้การต้อนรับด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง ลองมาตามรอยแห่งความสำเร็จของการก้าวสู่การเป็นโรงงานผู้ผลิตดอกลำโพงรายใหญ่อันดับต้นๆในบ้านเรา ที่มียอดการผลิตป้อนสู่วงการทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ในปริมาณที่สูงและต่อเนื่อง มาติดตามกันได้เลยครับ...


                                                                                                                    หน้า 3
 

จุดเริ่มต้นของ บริษัท นครสวรรค์สยามโนวา (1985) จำกัด เป็นมาอย่างไรบ้าง...?  

           ในช่วงแรกของการก่อตั้งบริษัทนั้น เรายังไม่ได้ใช้ชื่อ “นครสวรรค์สยามโนวา” นะครับ ผมทำธุรกิจแรกๆเมื่อช่วงปี 2530 ก็เริ่มมาทำชิ้นส่วนประกอบลำโพงก่อน และนำออกขายในตลาดบ้านหม้อ และในที่สุดมันก็แตกไลน์ออกมาเรื่อยๆ ในเรื่องของชิ้นส่วนประกอบลำโพง แต่ก็ถือว่ายังทำไม่ได้มากเท่าไหร่ ค่อยๆทำมาเรื่อยๆ และช่วงนั้นทางจีนเองก็ยังไม่มีอิทธิพลทางด้านตลาดด้านนี้ เหมือนกับว่าพึ่งจะเริ่มต้นตลาดทางด้านนี้เหมือนกันเชื่อว่าอย่างนั้นครับ และเราก็เริ่มต้นทำมาออกชิ้นส่วนมาจนครบรวมทั้งกรวยกระดาษ พอมาปี 2535 ก็มาเริ่มทำลำโพงฮอร์น ช่วงนั้นก็เริ่มมีผู้ผลิตลำโพงฮอร์นอยู่บ้างแล้วในบ้านเรารวมทั้งมีการนำเข้ามาด้วย แต่เราดูแล้วว่าลำโพงฮอร์นนี้ทำกำไรยากมาก และต้องใช้แรงงานหรือต้นทุนผลิตค่อนข้างสูง... แต่ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการหลายคน อาจมีความคลาดเคลื่อน โดยคิดว่าลำโพงฮอร์นนั้นมันยังไงก็ได้ ชาวบ้านใช้... แต่จริงๆแล้วไม่ใช้เลย พอทางเราเริ่มศึกษาลึกลงไปจริงๆแล้ว เราก็พบว่ามันเป็นเรื่องของวัสดุศาสตร์ ซึ่งเราเองก็มีความเชี่ยวชาญอยู่พอสมควร

                เราก็มาศึกษากันต่อว่า ทำไมอเมริกาเค้าถึงได้ทำลำโพงฮอร์นออกมาและขายแพงมาก และทำไมญี่ปุ่นถึงมีโตอะ (อีกหนึ่งแบรนด์ลำโพงของญี่ปุ่น) และทำไมบริษัทเหล่านี้ถึงยืนยงอยู่ได้อย่างยาวนาน ทั้งๆที่ราคาค่อนข้างสูง เราก็เริ่มศึกษาในตรงจุดนี้... จนในระยะต่อมาเราก็เริ่มได้ความรู้ใหม่เข้ามา เรามีการเริ่มทำการวิจัยและพัฒนา (R&D) ขึ้นมาเล็กๆในตอนนั้น ด้วยทีมงานก็ยังมีไม่มาก โดยเฉพาะผมเอง (คุณวิรัช) ก็ได้ร่วมลงมือทำด้วยตัวเองพร้อมทีมงานด้วย และก็มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ วัสดุทุกชนิดที่เรานำมาทำชิ้นส่วนประกอบลำโพง ล้วนมีการทำวิจัยมาแล้วทั้งหมด ว่าจะได้ผลและคุณภาพของเสียงออกมาอย่างไร รายละเอียดเล็กๆน้อยๆในเรื่องของวัสดุและผลทางคุณภาพเสียงนั้นเราทิ้งไม่ได้เลย เราเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่ได้จากการวิจัยและทดลองใช้วัสดุแต่ละชนิดมาผลิตชิ้นส่วนลำโพงจนประกอบขึ้นมาเป็นดอกลำโพงและนำออกใช้งาน แม้กระทั้งสีที่มาพ่นนั้นเราก็ใช้การพ่นด้วยระบบอิเล็กโตรสแตติก เป็นสีฝุ่น และเราก็วิจัยด้วยว่า สีชนิดนี้หรือการพ่นด้วยวิธีนี้มันสามารถใช้งานได้กี่ปี และหากอยู่ในสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่น  ชายทะเลผลออกมาจะเป็นอย่างไร เปรียบเทียบกับของต่างประเทศที่เค้ามีเทคโนโลยีสูงๆ เพื่อให้ได้ความคง ทนต่อทุกสภาพแวดล้อมที่นำไปใช้งาน ซึ่งเราก็ใช้เทคโนโลยีแบบนี้เข้ามาใช้ในโรงงานเรา แม้มันจะทำให้กำไรน้อยลง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ดีเยี่ยมแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่เรายอมรับเพื่อปลายทางคือผู้ใช้งานจะได้รับคุณภาพที่ดีที่สุดในผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งเราถือว่าเรื่องคุณภาพนั้นเป็นเรื่องใหญ่...

                เราก็ทำชิ้นส่วนลำโพงมาเรื่อยๆ ในที่สุดพอปี 2538-39 ขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็เริ่มทำมากขึ้นและได้รับความเชื่อถือมากขึ้นตามลำดับ ผู้ประ กอบการทำลำโพงก็เริ่มหันมาใช้ชิ้นส่วนของเรามากขึ้น พอปี 2540 กว่าๆ เราก็เริ่มมาประกอบลำโพงเอง โดยเริ่มทำยูนิตของลำโพงฮอร์น และลำโพงฮอร์นสำเร็จรูปขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มผลิตลำโพงวูฟเฟอร์ขึ้นมา เพราะว่าเราผลิตชิ้นส่วนได้เองทั้งหมดแล้ว จากนั้นเราก็มาทำวิจัยเพิ่มอีกว่า ลำโพงที่ดีนั้นมันมีองค์ประกอบที่สำคัญอะไรบ้าง ไม่ว่าเรื่องของกรวยกระดาษ เรื่องของคอยล์ แดมเปอร์ แม่เหล็ก ทีโย้ค ขดลวด ทุกอย่างที่ประกอบเป็นไดรเวอร์ลำโพง พอเริ่มทำตรงนี้ก็ได้พบปัญหาว่าเรายังขาดงานวิจัย ขาดการทำ R&D เราก็เลยมาตั้งทีม R&D มีการนำตัวอย่างมาวิจัยทางด้านวัสดุ ว่าองค์ประกอบในด้านต่างๆนั้นเป็นอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะได้ลำโพงที่ดีออกสู่ตลาดได้ ซึ่งก็ต้องอาศัยทีมงานและเครื่องไม้เครื่องมือในการวัดวิเคราะห์กราฟสัญญาณต่างๆออกมา ก็เริ่มค่อยๆพัฒนากันขึ้นมา จนในที่สุดแล้วลำโพงของเราเป็นที่รู้จักทั้งในบ้านเราเป็นวงกว้างและโดยเฉพาะประเทศใกล้เคียง จนมาถึงปัจจุบันนี้เราก็มีรุ่นโมเดลของลำโพงร้อยกว่าไอเทม ซึ่งลำโพงแบรนด์ “นาโนวา” นี้มีมากมายหลากหลายมาก และเราก็ยังไม่หยุดแค่นี้ เรายังมีลำโพงตัวอื่นๆอีก อย่างลำโพงฝังติดฝ้าเพดาน ที่จีนทำออกมาขายกันถูกๆแต่ถ้าหากเราจะทำให้มันดีกว่านี้ล่ะแต่ราคาสูงขึ้นอีกเล็กน้อย ผมเชื่อว่าลูกค้าเรารับได้...
 

 

     
หน้า 4   

              อีกส่วนหนึ่งที่เราให้ความมั่นใจกับลูกค้าคือ การให้บริการหลังการขายหรือการเซอร์วิสต่างๆ เรายืนยันในทุกข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับลูกค้า ว่าเราจะรับผิดชอบดูแลและให้บริการด้านสินค้าอย่างที่ดีที่สุดต่อลูกค้า แม้กระทั่งในเรื่องของการบรรจุหีบห่อหรือการแพคเกจจิ้ง เราจะดูแลให้อย่างดีที่สุด สินค้าถึงมือลูกค้าต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยเราจะไม่ประหยัดในเรื่องนี้ เพราะเราเห็นประเทศต่างๆที่เขาทำอุตสาหกรรม อย่าง ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น การแพคเกจจิ้งของเขามีรูปแบบที่นอกจากจะดูดีแล้วยังปกป้องสินค้าเขาได้อย่างดีด้วย และเราจะไม่ผลิตสินค้าที่ราคาต่ำติดดิน เราผลิตสินค้าที่ราคากลางๆบนลงได้ล่างขึ้นได้ นี้เป็นแนวคิดและนโยบายของเรา และเรามีวิสัยทัศน์ว่าแบรนด์ของเราต้องเป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียและทั่วโลก เราตั้งเป้าไว้อย่างนั้น ก็พยายามผลิตสินค้าที่ได้คุณภาพรวมถึงการให้บริการหลังการขายที่ดี กระบวนการจัดส่งที่ดี เพื่อการแข่งขันได้ในตลาด โดยเฉพาะกับสินค้าที่มาจากประเทศจีน
                ประเทศจีนเองเค้าก็มีสินค้าที่คุณภาพเหมือนกัน แต่ว่าก็จะราคาแพงมากเช่นกัน อย่างลูกค้าในประเทศเมียนม่า ซึ่งเราเติบโตมากในกลุ่มประเทศ AEC เราจะเน้นสินค้าแบรนด์ “เมดอินไทยแลนด์” มากที่สุด ความเป็นแบรนด์ไทยแลนด์นี้หรือสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยนี้เชื่อถือได้ สังเกตนะครับเวลาเราไปในหลายประเทศ สินค้าในกลุ่มประเทศอาเซี่ยนถ้าเป็นแบรนด์เมดอินไทยแลนด์ เค้าจะเลือกสินค้าเราก่อน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เมื่อเป็นแบรนด์เมดอินไทยแลนด์แล้วอย่าทำเสียครับ ตรงนี้ผมเองก็อยากให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆช่วยกันดูแลด้วย และต้องระวังสินค้าที่สวมเสื้อผ้าคนไทย หมายถึงเอาสินค้าจากต่างประ เทศแล้วตีตราเมดอินไทยแลนด์ ซึ่งเดี๋ยวนี้ทางกระทรวงพานิชเค้ามีฝ่ายติดตามตรวจสอบกันอยู่อย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยเองแล้วส่งออก ซึ่งในจุดนี้เราก็ให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพื่อที่ลูกค้าของเราในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน จะได้ให้ความไว้วางใจในสินค้าของเราระยะยาว...

ทำไมต้องเป็นดอกลำโพงและส่วนประกอบต่างๆเกี่ยวกับดอกลำโพง ไม่มีตู้หรือสินค้าอื่นๆทางด้านเครื่องเสียงบ้าง...?

                ครับ เป็นคำถามที่ดี... คือจริงๆตอนเราเริ่มต้นนั้นเราทำดอกลำโพงให้กับผู้ประกอบการ อย่างมีผู้ประกอบการหรือแบรนด์จากทางกรุง เทพฯ ก็มาให้เราผลิตให้แล้วเค้าก็ไปใส่ตู้ติดแบรนด์ของเค้า และก็มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ผลิตตู้ก็เป็นลูกค้าเราที่ซื้อดอกลำโพงไปใส่ตู้เค้า... ถามว่าเรามีตู้ลำโพงแบบสำเร็จมั้ย... ก็ต้องตอบว่ามีครับ... แต่เราไม่อยากไปขายแข่งกับลูกค้าเรา คือเหมือนกับว่าเรามีเครือข่ายร่วมกัน คือคุณอยากทำตู้อยากโมดิฟายตู้ก็มาปรึกษาเรา แล้วเราก็ออกแบบผลิตดอกให้ไปประกอบตู้ของเค้า ก็คือลูกค้าเราที่ซื้อไปใส่ตู้เยอะเลย... แล้วเรามีทำตู้สำเร็จมั้ย เราก็มีตู้ของเราครับ แต่ราคาของเราค่อนข้างสูง คือเราไม่ไปแข่งกับลูกค้ากลาง เราจะทำตู้ขึ้นไปอีกสเต็ปนึง และตู้แบบโพลิเมอร์เราก็มี แต่เราไม่อยากไปทำตู้แข่งกับลูกค้าเรา ในเมืองไทยมีลูกค้าเราที่ทำตู้เยอะอยู่แล้ว ที่จริงตู้ลำโพงมันก็เป็นเรื่องของเทคโนโลยี เรื่องของความจุของเสียงต่างๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนมาก ตอนนี้เราเองเป็นผู้ผลิตดอกมีความสำคัญที่จะต้องร่วมมือกับผู้ผลิตตู้ คุณจะโมดิฟายตู้คุณอย่างไร คุณต้องการให้ได้เสียงแบบไหนออกจากตู้คุณ ก็ต้องมาปรึกษาพัฒนากัน นี่เป็นสาเหตุหลักที่เราไม่ไปทำตู้แข่งกับลูกค้าของเราที่ทำตู้เค้าออกมาในเมืองไทยนะครับ แต่ถ้าถามว่าเราจะมีตู้มั้ย เราก็มีครับ แต่ว่าเราไม่เน้นในระดับเดียวกันกับลูกค้าเราที่จะต้องไปแข่งขันกันมากเกินไป เพราะด้วยความที่เป็นคู่ค้ากัน เราจะไปเป็นคู่แข็งด้วย ผมดูแล้วมันจะไม่เหมาะเท่าไหร่ครับ แต่เท่าที่ผมดูผู้ผลิตในต่างประเทศก็มีเยอะมากที่ผลิตเฉพาะดอกลำโพงอย่างเดียว คือแบรนด์ไหนจะทำตู้คูณภาพระดับไหนแบบไหนอยู่จุดไหนของตลาดก็เป็นอีกเรื่องของผู้ผลิตตู้ ซึ่งในวงการเค้าจะรู้กันอยู่แล้วว่า ตู้ลำโพงแบรนด์นี้ใช้ดอกของอะไร ราคาควรจะอยู่ระดับไหน อะไรอย่างนี้ เพราะลูกค้าเค้าจะรู้กันอยู่แล้ว


          หน้า 5       

                อีกประการหนึ่งคือ ลูกค้าที่ผลิตตู้ลำโพงจะมีปัญหาน้อยที่สุดเมื่อใช้ดอกลำโพงของเรา เพราะเราไม่สร้างปัญหาให้กับเค้า อย่างที่ได้กล่าวมาแต่ต้นว่า เรามีการคิวซีตรวจสอบสินค้าอย่างดี และรับผิดชอบคุณ เวลาคุณเอาไปใส่ตู้แล้วบอกว่าต้องการวัดค่ากราฟต่างๆให้ได้ตามที่ต้องการ เราก็จะออกแบบทำให้ได้ตามที่คุณต้องการเลย ซึ่งมีการพูดคุยกับลูกค้าตลอดการออกแบบผลิต ซึ่งเราเองก็มีตัวอย่างมาแล้ว อย่างลูกค้าใช้ดอกของเราติดในตู้เค้า ใช้งานในพื้นที่กลางแจ้งสำหรับกิจกรรมออกกำลังกาย ของแบรนด์อื่นอยู่ได้ 6 เดือนพัง แต่ตู้ที่ใช้ดอกเราอยู่ได้ถึง 2 ปี เพราะเรารู้ว่าการผลิตตู้ของลูกค้าจะเอาไปใช้งานอะไร เรารู้สภาพแวดล้อมของบ้านเราอย่างดี เพราะฉะนั้นดอกลำโพงเราจึงทนทานกว่า คิดดูครับว่าดอกลำโพงมีชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้นเอง เมื่อมองดูภายนอกแล้วมันสามารถทำให้เหมือนกันได้ นั่นคือใครก็ผลิตได้ แต่ทำให้มันดียาก ให้ราคามันนิ่งอยู่อย่างนี้ยาก เพราะมันต้องใช้ทั้งประสบการณ์ ใช้ความรู้และการวิจัยในส่วนของวัสดุที่ใช้ทำดอกลำโพง ใช้การทดสอบด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เพราะฉะนั้นเรารู้ความลับตรงนี้ครับ เรารู้ว่าดอกลำโพงที่ลูกค้าต้องการคือแบบไหน เราจึงเน้นที่จะเป็นผู้ผลิตเฉพาะดอกลำโพง...

วัสดุที่นำมาผลิตเป็นชิ้นส่วนต่างของดอกลำโพงนั้น มีการคัดสรรเลือกหาอย่างไรบ้างและเป็นการนำเข้ามาทั้งหมดหรือใช้ของที่มีในบ้านเราด้วยผสมกันไป...?

                สำหรับการเลือกคัดสรรวัสดุ เราต้องมีองค์ความรู้ทางด้านวัสดุศาสตร์ก่อนว่า อะไรมันคือวัสดุที่จะนำมาทำลำโพงให้เสียงออกมาดีได้ ก็ต้องค้นหาโดยใช้องค์ความรู้และข้อมูลต่างๆที่มาศึกษาได้ อย่างแดมเปอร์ต้องเป็นเส้นใยอะไร ไม่ใช่เอาผ้าอะไรมาทำก็ได้ อย่างนั้นไม่ถูก มันต้องมีการนำวัสดุเหล่านั้นมาเข้าสู่กระบวนการ R&D เพื่อให้รู้ว่าวัสดุที่เราเลือกมาใช้นั้นมันมีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง รวมทั้งเราต้องเรียนรู้จากประเทศที่เค้าผลิตดอกลำโพงที่เค้ามีเทคโนโลยีสูงๆ ว่าเค้าทำอย่างไรกัน แต่เราไม่สามารถเข้าไปเจาะในข้อมูลเชิงลึกเขาได้หรอก เขาไม่บอกเราหรอก แต่เราก็เรียนรู้วิธีการแล้วเราก็ต้องค้นหาเอาเอง เราต้องเรียนรู้ทั้งจากผู้ที่สำเร็จและผู้ที่ล้มเหลวด้วย ฉะนั้นเรื่องของวัสดุหรือวัตถุดิบนี่เราสรรหาตลอด ที่ไหนมีดีที่สุดเราจะเอามาใช้
                หากเทียบเป็นสัดส่วนแล้ววัตถุดิบที่เรานำเข้ามาบ้างคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นวัสดุที่มีอยู่ในบ้านเรา ที่นำเข้าก็เป็นแม่เหล็ก หรืองานโลหะบางส่วน ซึ่งเราใช้วิธีคิดว่า งานส่วนไหนที่มันไม่สามารถลดต้นทุนให้ต่ำลงเมื่อเทียบกับโวลุ่มแล้ว และเมื่อเทียบกับการนำเข้าแล้ว เราก็จำเป็นต้องนำเข้า คือส่วนไหนต้นทุนต่ำกว่าในบ้านเราก็จะนำเข้า โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นเครื่องไม้เครื่องมือนั้นบ้านเรายังไม่มี กลุ่มเครื่องมือวัดทดสอบในบ้านเราไม่มีก็ต้องนำเข้ามา ชิ้นส่วนประกอบลำโพงส่วนไหนที่ต้องผลิตที่ต่างประเทศแล้วนำเข้าโดยคิดแล้วต้นทุนต่ำกว่าเราก็เลือกวิธีนั้น อย่างการที่มีออร์เดอร์เยอะเราก็ใช้วิธีไปขึ้นโมล์ที่ต่างประเทศแล้วผลิตขึ้นมา หรือลำโพงฮอร์นพวกปากฮอร์นนั้นเราก็เลือกที่จะสั่งผลิตแผ่นโลหะตามสเปกที่เราต้องการแล้วนำเข้ามาผลิตเป็นปากฮอร์นที่โรงงานเรา หรือในงานที่เกี่ยวกับพลาสติกเราก็ขึ้นโมล์และฉีดเองที่โรงงานของเราเช่นกัน ในกรณีที่มีการผลิตเป็นโวลุ่มเยอะๆ ซึ่งทีม R&D และฝ่ายโรงงานก็ต้องทำงานประสานกันตลอดเวลา...

ในส่วนของโรงงานนั้น มีแนวทางการบริหารงานอย่างไรบ้าง...?

               ในส่วนของโรงงานนั้น ทุกเช้าจะมีการประชุมกับหัวหน้างานทุกฝ่าย พร้อมกับมีการรายงานสรุปผลการทำงานของวันที่ผ่านมา ว่าแต่ละฝ่ายหรือแต่ละแผนกมีผลงานการผลิตเป็นอย่างไรบ้าง มีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างผลิตอย่างไรบ้างแม้กระทั่งปัญหาที่เกิดหรือพบเห็นในระหว่างการผลิตนั้นมีอะไรบ้าง พร้อมกันนั้นยังเป็นการประชุมและรับออร์เดอร์ของวันปัจจุบันไปดำเนินการผลิตด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีการแจกแจงข้อมูลจากลูกค้าทั้งคำชมคำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าที่ได้จัดส่งไปให้ลูกค้า ทั้งนี้เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงาน และการแก้ไขในกระบวน การต่างๆในการผลิต เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพส่งถึงมือลูกค้าต่อไป ซึ่งการเปิดรับคำแนะนำจากลูกค้านี้ ทางเราเปิดรับคำแนะนำตลอดเวลาทุกวัน เพื่อการแก้ไขปรับปรุงให้ดีที่สุด ซึ่งบอกได้เลยว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าที่สมบูรณ์และมีคุณภาพ ตรงตามที่ต้องการเพื่อการใช้งานหรือเพื่อการจำหน่าย  ซึ่งการบริหารงานในโรงงานก็จะเป็นลักษณะนี้ทุกวันลูกค้าจึงมั่นใจได้ในแบรนด์“นาโนวา”...     
                โดยเฉพาะในเรื่องของการขนส่งสินค้าไปให้ลูกค้า ในบ้านเรานั้นการขนส่งสะดวกไม่ค่อยพบปัญหามากนัก แต่ในส่วนของการส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เส้นทางขนส่งยังไม่สะดวกเท่าที่ควร เราก็ต้องเป็นฝ่ายมาแก้ปัญหาเองทางด้านการแพคเกจจิ้ง ทำอย่างไรที่จะไม่ให้สินค้าของเราเกิดความเสียหายจากการขนส่ง เราก็มาให้ความสำคัญกับแพคเกจจิ้งหรือการหีบห่อสินค้า ให้รองรับการกระแทกหรือกดทับได้สูงๆป้องกันสินค้าที่อยู่ภายในไม่ให้เกิดความเสียหายได้ หากไปประเทศเพื่อนบ้านเมื่อเกิดความเสียหายชิ้นเดียวหรือหลายชิ้น ถือว่าจำเป็นต้องทิ้งเลยก็มี เนื่องจากการขนส่งกลับมาแก้ไขนั้น อาจต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่า และต้องจัดส่งสินค้าใหม่ไปให้ทันที อย่างนี้เท่ากับเราเกิดความเสียหาย ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการจัดส่งสินค้าอย่างมากก็ด้วยเหตุผลข้างต้น ดังนั้นลูกค้าจึงเชื่อใจในแบรนด์ “นาโนวา” เป็นอย่างมาก
 


 

 

                 หน้า 6

มีการผลิตแบบ OEM แบ่งเป็นสัดส่วนอย่างไรบ้าง...?

               ในส่วนของการผลิตเป็นแบบ OEM นั้นถือว่าปัจจุบันน้อยมาก คิดเป็นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งก็เป็นลูกค้าเก่าที่ได้ร่วมทำงานมาด้วยกันตั้งแต่เราเริ่มต้นมา แล้วลูกค้ากลุ่มนี้ก็ให้เราผลิตให้เรื่อยมา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความเชื่อใจและมั่นใจที่มีต่อกันมานาน นอกจากนั้นเรายังผลิตเป็นชิ้นส่วนส่งไปยังต่างประเทศด้วย และสำหรับการผลิตแบบ OEM ให้กับลูกค้ารายใหม่ในปัจจุบันนี้แทบไม่รับแล้ว เนื่องจากเรามีกติกาเยอะ ว่าแบรนด์คุณดังหรือเปล่า ถ้าแบรนด์คุณติดตลาดเราก็รับผลิตให้... ทำไมต้องแบรนด์ดัง... ก็เพราะแบรนด์ที่ดังหรือแบรนด์ที่ติดตลาดแล้วเค้าจะมีโวลุ่มที่มาก เค้ามียอดขาย เค้ามีเทคโนโลยีแล้ว เรารับออร์เดอร์มาก็ผลิตให้ได้ตามสเปกเค้าทุกอย่าง หากสเปกไม่ได้หรือไม่ตรง  ไม่ต้องจ่ายเงินให้เราเลย แต่นั่นหมายถึงว่าเทคโนโลยีเราก็ต้องถึงเค้าด้วยนะ ก็จะสามารถไปด้วยกันได้ แต่สำหรับแบรนด์ใหม่นั้นกว่าจะไปสร้างชื่อให้ติดตลาดได้ก็ใช้เวลา และระหว่างที่ผลิตเมื่อไม่มีเทคโนโลยีมาด้วย ไม่มีสเปกมาด้วย ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมาร่วมผลิตให้เค้า เพราะมันไม่จบ หากเกิดปัญหาก็จะมีผลย้อนกลับมาหาเราได้ แต่สำหรับแบรนด์ที่ติดตลาดแล้วไม่มีปัญหาแบบนี้ เค้าได้รับความเชื่อมั่นในตลาดแล้ว และมีโวลุ่มผลิตที่เยอะ เค้าก็สร้างยอดขายได้เราก็สามารถผลิตให้ได้เช่นกัน ...

NANOVA มีทั้งโครงเหล็กปั้ม, อะลูมิเนียมหล่อ
ให้คุณลักษณะต่างกันอย่างไร...?

                ดอกลำโพงทั้งสองชนิดนี้ก็มีผลิตขึ้นมาในปริมาณที่ไม่แตกต่างกันมาก ก็ตามออเดอร์จากลูกค้าหรือดีลเลอร์ที่สั่งมา แต่ในความแตกต่างนั้นมีแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องราคานั้นโครงอะลูมิเนียมหล่อจะราคาสูงกว่า เพราะโครงฉีดแบบอะลูมิเนียมมันจะไม่นำกระแสแม่เหล็ก ก็ไม่ทำให้แม่เหล็กกระจาย และความสั่นครางเนื่องจากโครงสร้างที่แข็งแรงนั้นน้อยกว่า ไม่เป็นสนิมด้วย ค่าพลังสนามแม่เหล็กสูง ซึ่งเหล่านี้คือคุณลักษณะของโครงฉีดอะลูมิเนียมที่แตกต่างจากโครงเหล็ก และได้รับความนิยมมากขึ้น เรื่อยๆ...

การนำแบรนด์ NANOVA สู่ตลาดนั้นมีคอนเซ็ปต์ไว้อย่างไรบ้างครับ...?

                ครับ... เราเน้นเรื่องคุณภาพมาก่อนครับ ต่อด้วยการเน้นการให้บริการหลังการขาย ตามด้วยความรับผิดชอบหลังการขาย และเรามีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการตลาดกับการผลิตมันต้องไปด้วยกัน และสิ่งหนึ่งที่เราทำคือ เราพยายามเอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง คือเราต้องดูความต้องการของลูกค้า ว่าเค้าต้องการดอกลำโพงแบบไหนอย่างไร เค้ามีปัญหาเกี่ยวกับดอกลำโพงไปใช้ในงานเค้าอย่างไร เราก็พยายามเข้าร่วมแก้ ปัญหาเหล่านั้น เพื่อผ่านไปสู่กระบวนการผลิตให้ได้ตามที่ต้องการ เพราะลูกค้าคือผู้ที่ใช้งานสินค้าของเรา และอีกอย่างหนึ่งที่ลูกค้าเชื่อถือเราคือ คำพูดเราต้องเป็นจริงพูดคุยกับลูกค้าอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น เราต้องมีจริยธรรม ไมตรีระหว่างเรากับลูกค้าต้องเกิด นี่ถือเป็นหัวใจหลักในการบริหารของเรา และเราก็มีการตลาดฝ่ายต่างประเทศด้วย เรามีการตลาดหลายคนเพราะต้องติดต่อกับทั้งลูกค้าของเราเองในต่างประเทศ และการติดต่อในส่วนของการผลิตชิ้นส่วนหรือการติดต่อในเรื่องของวัตถุดิบสำหรับการผลิต
           ก่อนหน้านั้นทางเราไม่ได้ใช้แบรนด์นี้นะครับ เราใช้แบรนด์ “โนวาโซนิค” และผมก็ไม่ได้จดทะเบียนด้วยซ้ำไป เป็นการผลิตแบรนด์เล็กๆ มีพนักงานอยู่ไม่กี่คนในช่วงนั้น ตอนหลังเรามาจดทะเบียนแต่มันจดไม่ผ่าน เราก็ใส่คำว่า “นา” (นครสวรรค์) นำหน้าไปและตัดท้ายออกก็กลายมาเป็น “นาโนวา” และคราวนี้เมื่อเรามีแบรนด์แล้วเราก็ต้องรักษาแบรนด์ รักษาแบรนด์ทำยังไงคือที่กล่าวมาทั้งหมดในการสัมภาษณ์นี้ก็คือการรักษาแบรนด์นั่นเอง เปรียบเหมือนกับว่า แบรนด์ก็คือดอกไม้ การที่ดอกไม้จะเต็มสวนหรือสวนจะใหญ่ขึ้น ก็ต้องดูที่ว่าดอกไม้สวยงามดีหรือเปล่า ถ้าดอกไม้สวย ผึ้งหรือแมลงก็จะมาดมดอมเกสรดอกไม้ ก็นำไปสู่การกระจายเกสรเกิดการขยายพันธ์ดอกไม้ออกไปเต็มสวนหรือสวนดอกไม้ใหญ่ขึ้น หากดอกไม้ไม่สวยผู้ปลูกก็ต้องดิ้นรนหาไล่จับแมลงมาเพื่อให้เกิดการนำพาเกสรดอกไม้ไปที่ต่างๆ ซึ่งนั่นมันเหนื่อยกว่ามาก เช่นกัน เมื่อแบรนด์ของเราดีจริง ลูกค้าก็เข้ามาหาและบอกต่อกันไป มีการใช้งานในวงกว้างมากขึ้น เราก็ไม่เหนื่อยมาก แต่ถ้าหากแบรนด์เราไม่ดีก็ต้องออกแรงเหนื่อยวิ่งหาลูกค้าให้มาทดลองใช้งานแบรนด์ของเราแบบนั้นเลยครับ...
           เราต้องมองว่า “แบรนด์” ก็คือ “มรดก” เป็น “ทรัพย์สิน” ที่สามารถตกทอดต่อกันไปเป็นรุ่นๆเป็นทอดๆได้ มันสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ตลอด และมีอีกอย่างหนึ่งคือ การสร้างแบรนด์นั้นว่ายากแล้ว แต่การรักษาแบรนด์นี่ยากกว่ามาก เพราะไม่ใช้แค่การรักษาเท่านั้น ต้องมีการพัฒนาให้ก้าวหน้ารองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงทีของเทคโนโลยีทั้งของเราของลูกค้าและของโลก...

ฝากทิ้งท้ายถึงผู้อ่านและเพื่อสร้างความมั่นใจในแบรนด์ NANOVA
ให้กับลูกค้าอย่างไรบ้าง...?


                ก็ขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่าแบรนด์ “นาโนวา” ต้องเป็นที่เชื่อถือและเป็นที่รู้จักของคนนานาประเทศ และต้องทำให้ถึง ซึ่งตรงจุดนั้นมันเป็นตัวชี้วัดว่า การที่คุณจะไปถึงตรงนั้นคุณจะต้องทำอะไรในตอนนี้ ถ้าคุณอยากให้เค้ารู้จักคุณทางนี้คุณจะต้องทำอะไร อย่างนี้เป็นต้น และเราก็จะใช้คนหนุ่มคนสาวต่อยอดแนวทางการทำงานไปเรื่อยอย่างยั่งยืน เราจะเอาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ตลอด อะไรที่มันลดต้นทุนได้แต่เพิ่มคุณภาพด้วยเราก็จะทำ ซึ่งเราต้องก้าวต่อไปอีก เพราะเรื่องของลำโพงนั้นมีอีกมากมายที่ต้องทำและที่ยังไม่ได้ทำก็มีอีกมากเช่นกัน มันสามารถแตกไลน์ออกไปทำได้อีกมากมาย ตราบใดที่คนยังต้องฟังเสียงอยู่ก็ต้องมีพัฒนาการต่อไปไม่หยุด...